GO!GO! タイローカル工場
第28回 PPP Green Complex Co., Ltd.(PTG Energy Public Company Limited
石油販売のPTGエナジーとパートナー2社による合弁会社、PPPグリーンコンプレックスは20年を超えるパーム油関連の事業歴があり、現在、プラチュアップキリカン県でパームコンプレックスプロジェクトを進めている。投資額は36億バーツ。第1フェーズはすでに完成し、6月から100%の商業生産を行っている。B100のバイオディーゼルが日産45万リットル、消費者向けパーム油が日産20万トン。
PTGエナジーのピタック・ラチャキットプラカーン社長は「パームコンプレックスプロジェクトは廃棄物ゼロのコンセプトで構想され、商品にされない余り物のすべて有効利用することで、コスト管理の最大限の効率を実現します。加えて純粋グリセリン、ステアリンが生産工程から副産物として出て、付加価値につながります。プロジェクト全体で年間50~60億バーツを稼ぎ出すでしょう。PTGは40%の持ち株比率に従って利益を得ることになります。すでに全プロセスが稼働中です。設備も最新で、タイのパーム油産業の発展を一歩前進させるものでしょう」と話す。
バイオディーゼルからの収入を75%と見込む。ディーゼルオイルに混合するため製品の多くはPTGエナジーに販売される。また、一部は国営石油バンジャークとPTT傘下のIRPCに販売される。また工業用の植物油部門への販売収入が10%、副産物の製品からの収入が15%。第2フェーズでは生産力を増やし、日90万リットルのバイオディーゼルを生産するが、第1フェーズで全体のインフラは完成しており、投資額は10~15億バーツで済む見通し。
原材料はタイ南部で生産されるパーム椰子の実、生パームオイルの両方。さらにパームの房を燃料に7メガワットの発電を行い、プロジェクト内の電力使用に充当している。将来的には同種のプロジェクトをタイ中部でも進める計画。またタイ東部での生産も進める。PTGエナジーのバイオディーゼルの需要が1日50~60万リットルに増加する見込みで、中部、東部でのプロジェクトで需要増に応える。ピタック社長は「今の第1フェーズの45万リットルだけでは早晩、不足します。さらに今後4年間で1日16~18万リットルの需要が生まれます。販売高が年々増える見通しです。B10標準を定める政府のバイオディーゼル使用の奨励も進んで、今後、バイオディーゼルの需要は右肩上がりで増えるでしょう」と話す。
PTG ทุ่มงบ 3.6 พันล้าน ลงทุนโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ ครบวงจรแห่งแรกในไทย
โครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ ดำเนินการโดยบริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กับพันธมิตรอีก 2 รายที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจปาล์มน้ำมันมาอย่างยาวนาน มากกว่า 20 ปี
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยโครงการปาล์มน้ำมัน คอมเพล็กซ์ครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย นี้สร้างมาจากแนวคิดการผลิตแบบ Zero Waste ที่สามารถนำสิ่งเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด และการบูรณาการเพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ใช้เงินลงทุนราว 3.6 พันล้านบาท
โครงการในเฟสแรกจะเริ่มเดินผลิตเชิงพาณิชย์เต็มที่ทั้ง 100% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยจะมีผลผลิตน้ำมันไบโอดีเซล หรือ B100 และน้ำมันโอเลอีน (Olein) มีกำลังผลิตไบโอดีเซล 450,000 ลิตร/วัน และน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภค 200,000 ลิตร/วัน รวมทั้งมีผลผลิตกลีเซอรีนบริสุทธิ์และสเตอรีนเป็นผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก คาดว่าทั้งโครงการจะทำรายได้ราว 5,000-6,000 ล้านบาท/ปี ซึ่ง PTG จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาตามสัดส่วนการถือหุ้น 40%
“โครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ของเราได้เริ่มเดินเครื่องผลิตแล้ว ทุก process run แล้ว ซึ่งตอนนี้สามารถผลิต B100 และ Olein ได้แล้ว ซึ่งโครงการนี้ เป็นโครงการปาล์มน้ำมันครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย และทันสมัยที่สุด และโครงการนี้เป็นความภูมิใจของคนไทย จะช่วยยกระดับให้กับอุตสาหกรรมน้ำมันของประเทศไทย และสามารถต่อยอดพัฒนาได้ในอนาคต”
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้หลักของโครงการมาจากไบโอดีเซล 75% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายให้กับ PTG เพื่อนำไปผสมกับน้ำมันดีเซล ส่วนที่เหลือยังขายให้กับ บมจ.บางจากคอร์ปอเรชั่น (BCP) และ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ขณะที่รายได้จากการจำหน่ายน้ำมันพืชให้ภาคอุตสาหกรรมคิดเป็นสัดส่วน 10% ส่วนที่เหลืออีก 15% เป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลพลอยได้
สำหรับโครงการในเฟสที่ 2 จะเพิ่มกำลังผลิตทุกส่วนอีก 1 เท่า หรือขยายกำลังผลิตไบโอดีเซลเป็น 9 แสนลิตร/วัน แต่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก หรือราว 1,000-1,500 ล้านบาท เพราะในเฟสแรกได้วางระบบโครงสร้างพื้นฐานส่วนใหญ่ไปหมดแล้ว แต่คงต้องพิจารณาปริมาณผลผลิตที่จะรับซื้อเข้ามาด้วยว่าจะมีเพียงพอที่จะป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตหรือไม่ ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดมาจากสวนปาล์มที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ที่บริษัทรับซื้อทั้ง ผลปาล์มสด น้ำมันปาล์มดิบ และทะลายปาล์มที่นำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าขนาด 7 เมกะวัตต์เพื่อใช้ภายในโครงการ
นอกจากนั้น บริษัทยังมองโอกาสที่จะตั้งโครงการในรูปแบบดังกล่าวในพื้นที่ภาคกลางในอนาคต เพื่อรองรับปริมาณผลผลิตจากฝั่งตะวันออกทั้งภาคกลางและภาคตะวันออก เช่น เนื่องจาก PTG มีความต้องการใช้ไบโอดีเซลปีละ 5-6 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งผลผลิตจากโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์เฟสแรกมีเพียง 4.5 แสนลิตร/วัน และบริษัทยังคาดว่าในอีก 4 ปีข้างหน้าความต้องการเพิ่มเป็น 1.6-1.8 แสนลิตร/วันตามปริมาณการขายที่เติบโตชึ้น รวมทั้งหากรัฐบาลส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลด้วยการออกมาตรฐานน้ำมัน B10 ก็จะทำให้ความต้องการไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก